เรื่องราวเหล่านี้ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ ปวดเศียรเวียนเกล้าไม่ใช่น้อย ส่วนจะมีอะไรกันบ้าง ตามมาดูกัน
– น้ำเหลืองไม่ดี จริงๆคือ ติดเชื้อแบคทีเรียผิวหนัง
– ทนพิษบาดแผลไม่ไหว จริงๆคือ บาดแผลไม่เคยมีสารพิษหลั่งออกมา ที่จริงคือ เสียเลือด อวัยวะภายในแตก จนผู้ป่วยช็อก เสียชีวิต
– ฉีดยา 1 เข็มหาย จริงๆคือ โรคติดเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่ และบางโรคนั้น เข็มเดียวไม่หาย แต่ก็มีบางโรคฉีด 1 เข็มเช่น คออักเสบจาก grA Strep หรือ Syphilis แต่โรคอื่น ๆ ไม่มี
– คนไข้ชักเอาช้อนยัดปาก เดี๋ยวกัดลิ้นขาด จริงๆ เวลาชักไม่มีใครแลบลิ้น ไม่ควรเอาช้อน มือ ผ้า ไปยัด ยิ่งทำให้ขวางทางเดินหายใจ บางครั้งฟันคนไข้หลุดและอุดกลั้นทางเดินหายใจได้
– กวาดคอเด็กเวลาเจ็บคอ จริงๆ เด็กคออักเสบส่วนใหญ่ 80-90%ติดเชื้อไวรัสไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะ รักษาตามอาการ ยิ่งไปกวาดคอ อาจไม่สะอาด ทำให้ติดเชื่อเพิ่มขึ้นได้
– เจ็บคอ คออักเสบ ไข้หวัด ไอน้ำมูก ต้องกินยาปฏิชีวนะ หรือ ยาฆ่าเชื้อ จริงๆ 90% เป็นไวรัส ไม่ต้องกิน ส่วนน้อยเท่านั้นเกิดจากแบคทีเรีย โดยจะพบอายุมากกว่า 3 ปี ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก
– งูสวัด สุกใส ต้องไปพ่นหมาก พ่นยา จริงๆ มียาต้านไวรัสชื่อ Acyclovir ช่วยรักษา แต่การไปพ่นทำให้สกปรก ติดเชื้อเพิ่มได้
– เด็กแรกเกิดตัวเหลือง ให้ตากแดด+กินน้ำ จริงๆ สาเหตุหลักคือ เด็กตัวเหลืองเกิดจาก นมแม่ยังไหลไม่ดี การขับถ่ายทั้งปัสสาวะและอุจจาระเด็กไม่ดี ที่ถูกควรให้กินนมแม่ทุก 2-3 ชม. เพื่อจะได้ถูกขับออก และมาพบแพทย์หาสาเหตุเพื่อมีได้หลายสาเหตุ
– เป็นไข้ เอาผ้า หรือ อุปกรณ์มาแปะเฉพาะหน้าผาก ไข้จะลง จริงๆ ควรระบายความร้อนทั้งตัว เช่น เช็ดทั้งตัว จับอาบน้ำ แช่น้ำ การจับอาบน้ำ แช่น้ำไม่ได้ทำให้คนไข้ช็อก
– มีแผลห้ามกินไข่ จริงๆ ควรกินเพราะเป็นโปรตีน ช่วยการหายของแผล และทานให้ครบ 5 หมู่ สด สะอาด ไม่ดิบ
– แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ทายาสีฟัน ราดน้ำปลา จริงๆ คือ แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ผิวหนังส่วนบนถูกทำลาย ดีสุดต้องรีบทำความสะอาด ปิดแผลมา เพื่อทำแผล การใช้ยาสีฟัน น้ำปลาราดอทำให้ระคายเคืองและติดเชื้อเพิ่มได้