ลองเปิดใจอ่านข้อมูลกันสักนิด จะได้เปิดหูเปิดตา ว่าที่ไปและที่มามันเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่?
อันดับแรก การไฟฟ้าใช้วิธีคิดเงินแบบอัตราก้าวหน้ามาโดยตลอด ซึ่งไม่ได้เป็นความลับ คือใช้เยอะก็จ่ายเยอะ
(จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้นะครับ หรือ จะไปเหมาว่าถูกเอาเปรียบก็ฟังไม่ขึ้น เพราะการไฟฟ้าไม่ได้ร่วมใช้ไฟกับคุณ)
อันดับที่สอง ตัวแปรผันของค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นนี้ คือ ผลมาจากการหน่วยการใช้ไฟที่เพิ่มมากขึ้น
อธิบายสั้น ๆ ก็คือ หากคุณใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ตัวคิดคำนวณก็จะปรับเพิ่ม ราคามันจึงก้าวกระโดด
แต่หลาย ๆ คน บอกว่า ก็บ้านฉันใช้ไม่ต่างจากเดิมนะ ทำไมมันถึงได้แพงขึ้นถึงขนาดนั้นได้ ??
จึงขอยกตัวอย่างดังนี้.. ติ๊ต่างว่าบ้านคุณเปิดแอร์เวลาเดิมทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 ถึง 12.00 คุณจะเย็นเท่าเดิมจริง แต่!
ตัวที่ทำให้มิเตอร์ขึ้นหน่วยไว ไม่ได้เกิดจากอุณหภูมิ เพราะมันเกิดจากการทำงานของคอมเพรสเซอร์ การใช้ไฟจึง
เกิดจากตรงนี้ ถ้าหากอากาศข้างนอกมันร้อน_ตัวคอมเพรสเซอร์เอง มันก็ยิ่งทำงานหนักขึ้น หน่วยการใช้ไฟฟ้าก็จะ
ขึ้นไวตามการใช้งานตามจริง แล้วถ้าหากยิ่งถ้าเปิดแอร์หลาย ๆ ตัวพร้อมกัน ก็เข้าใจไว้ได้เลย ว่ามิเตอร์ตัวนั้นกำลัง
หมุนอย่างเร็ว และ นั่นก็คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ว่า ทำไมค่าไฟทำไมจึงแพง ก็เพราะคุณใช้ไฟมากกว่าเดิมยังไงละครับ
อีกหนึ่งตัวอย่าง เนื่องจากช่วงนี้ สำหรับบางพื้นที่อาจจะมีฝุ่นควันเยอะเกินปกติ เครื่องฟอกอากาศ จึงมีส่วนช่วยใน
การผลาญค่าไฟ แล้วเชื่อไหมครับว่า แทบทุกยี่ห้อที่อ้างว่าประหยัดไฟ มันไม่ได้ประหยัดเลย ไม่เชื่อก็ไปเช็กดูได้
ตู้เย็น เห็นตั้งนิ่ง ๆ ดูเงียบ ๆ แต่ฟาดค่าไฟเราเพียบ.นะครับ ตามปกติของเครื่องทำความเย็นทั้งหลายบนโลกมนุษย์
จะคอยควบคุมอุณหภูมิให้เป็นไปตามค่าที่ผู้ใช้ตั้งไว้เสมอ แต่พฤติกรรมการใช้นี่มันก็ส่งผลต่อการทำงานของมันได้
เช่น เปิดตู้บ่อยเกินไป จนสูญเสียความเย็น ตัวตู้เลยต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อปรับสมดุลย์ ก็เลยกินไฟมากขึ้นตามมา
การตะบันแช่ของแบบไม่ยั้งคิด ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เปลืองไฟ เพราะอะไร ๆ ๆ ..คิดว่าคุณคงจะทราบแล้วนะครับ
———————————————————————————————————————————————————–
ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2953911724690546&id=1027105894037815
———————————————————————————————————————————————————–