“ควินัว” เป็นพืชตระกูลเดียวกับหัวบีท ผักโขม ทัมเบิ้ลวีด (tumbleweed) และ Swiss Chard แต่เอ๊.. มันมีประโยชน์มายมายขนาดไหนน้า ถึงได้ชื่อว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” ตัวดังที่ทุกคนต่างให้ความสนใจ เรามาทำความรู้จัก ควินัวกันให้มากขึ้นดีกว่าครับ..
ควินัว คือ ธัญพืชเทียมที่หน้าตาคล้ายพืชตระกูลถั่ว มีถิ่นกำเนิดจากพื้นที่ของชาวอินคา ชนเผ่าพื้นเมืองโบราณแถบอเมริกาใต้ที่เรียกว่าเป็นธัญพืชเทียม เพราะจริงๆ แล้วควินัวไม่ใช่ธัญพืช แต่เป็นพืชตระกูลเดียวกับหัวบีท ผักโขม ทัมเบิ้ลวีด (tumbleweed) และ Swiss Chard แต่ถึงแม้จะเป็น Pseudocereal หรือธัญพืชเทียม แต่ก็มีประโยชน์มากมายจนได้ชื่อว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” หรือธัญพืชที่คุณค่าทางอาหารสูง สามารถใช้กินแทนข้าวได้โดยมีโปรตีนที่สูงกว่า คุณประโยชน์คล้าย ๆ กับข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ สามารถนำไปทำให้สุกด้วยวิธีการเดียวกับการหุงข้าว มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณะคือ จะนิ่มแต่แอบแฝงความกรุบกรอบเล็ก ๆ นำไปปรุงอาหารได้หลายเมนู และใช้เวลาหุงเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น จึงเป็นวัตถุดิบที่นิยมสำหรับคนที่รักสุขภาพในขณะนี้
ประโยชน์ของควินัว
1.ควินัวมีโปรตีนสูงถึงร้อยละ 12-18 และกรดอะมิโนที่จำเป็นที่สามารถพบได้ในนม ใครที่กำลังกินคลีน หรือควบคุมอาหาร หากอยากได้โปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายนอกจากอกไก่ ลองควินัวด้วยก็ดีนะจ๊ะ
2.ควินัวมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง นั่นก็หมายความว่าช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง แถมยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสอีกด้วยเน้ออ..
3.ควินัวมีแคลเซียมสูง ถูกใจคนที่ไม่ชอบดื่มนม หรือแพ้นม เลยจ้า สามารถทานควินัวได้ เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
4.ควินัวมีไฟเบอร์สูง ซึ่งเส้นใยหรือไฟเบอร์ที่ว่า นอกจากจะช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร และการขับถ่ายให้เป็นไปอย่างปกติแล้ว ยังช่วยควบคุมระน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้อีกด้วย
5.ควินัวมีคอเลสเตอรอลต่ำ เหมาะกับทุกคนที่อยากลดปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกาย หรือคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไขมันอุดตันเส้นเลือด
วิธีทานควินัวก็ง่ายมากๆ เพียงแค่ แช่น้ำ 10 นาที จากนั้นนำไปต้มอีกครั้ง ให้ควินัวสุก ลักษณะจะเหมือนข้าวสั้นๆ ขาวๆ เหลืองๆ เมื่อสุกแล้วจะนิ่มๆ กรุบๆ มีความหนึบเล็กน้อย ระหว่างต้มสามารถเติมน้ำมันมะกอก หรือเกลือเล็กน้อย เพื่อเพิ่มรสชาติได้ ควินัวสุก สามารถแทนทานข้าวได้เลย หรือใครจะนำไปทำเป็นโจ๊ก ข้าวผัด ซูชิ ใส่ในสลัด ทอดมัน หรือจะนำไปเป็นส่วนผสมของขนมหวานอย่างมัฟฟิน คัพเค้ก ก็ฟินไม่แพ้กันนะจ๊ะ
ควินัวแต่ละสีต่างกัน ยังไงบ้างน้า โพสนี้มีคำตอบให้จ้า ??
1.ควินัวสีขาว ตัวนี้ แนะนำเลย สำหรับมือใหม่ หัดคลีน เพราะตัวนี้จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ รสชาติจะคล้ายข้าวขาวทั่วไป หอมอร่อยมานง่ายมากๆ ค่า
2.ควินัวสีแดง ตัวนี้ จะโดดเด่น ในเรื่องของกลุ่มวิตามิน ทั้งวิตามิน E รวมทั้ง โฟเลต อีกด้วยน๊า ที่สำคัญ ไฟเบอร์มากกว่าตัวสีขาวอีกด้วยจ้า และตัวสุดท้าย
3.ควินัวสีดำ ตัวนี้เขามีสารแอนโทไซยานินที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันโรคเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเบาหวานอีกด้วยนะ
ควินัวที่สุกแล้ว 1 ถ้วยหรือประมาณ 185 กรัม ให้พลังงาน 222 แคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 39 กรัม
- โปรตีน 8 กรัม
- ไขมัน 6 กรัม
- เส้นใยอาหาร 5 กรัม
- น้ำตาล 1 กรัม
- โปรตีน: 8 กรัม
- ไฟเบอร์: 5 กรัม
- แมงกานีส: 58% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อ 1 วัน (ของ RDA)
- แมกนีเซียม: 30% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อ 1 วัน (ของ RDA)
- ฟอสฟอรัส: 28% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อ 1 วัน (ของ RDA)
- โฟเลต: 19% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อ 1 วัน (ของ RDA)
- ทองแดง: 18% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อ 1 วัน (ของ RDA)
- เหล็ก: 15% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อ 1 วัน (ของ RDA)
- สังกะสี: 13% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อ 1 วัน (ของ RDA)
- โพแทสเซียม: 9% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อ 1 วัน (ของ RDA)
- วิตามิน B1, B2 และ B6 มากกว่า กว่า 10%
นอกจากนี้ ควินัวยังปราศจากโปรตีนกลูเตน การเลือกรับประทานควินัวจึงดีต่อสุขภาพและยังเหมาะกับผู้ที่แพ้กลูเตนอีกด้วยครับ..