สาระน่ารู้

ฟักทอง ไม่ว่าคาวหรือหวานก็ดีกับสุขภาพ

ถือว่าเป็นพืชเพียงไม่กี่ชนิด ที่นำมาปรุงอาหารไทยได้ทั้งคาวหวาน หนำซ้ำ.ก็ยังมีให้ได้พบเห็น
จากเมนูต่างประเทศ ทั้งคาวและหวานด้วยเช่นกัน ถ้าจะว่าตามหลักพันธุศาสตร์ ฟักทอง ถูกจัด
ให้อยู่ในวงศ์พืชเถา มีให้เห็นได้แทบทุกหนแห่งในโลก เพราะสามารถเพาะปลูกได้ทั้งพื้นที่ร้อน
และพื้นที่หนาว (ตามแต่สายพันธุ์) ส่วนในทางหลักพฤกษศาสตร์ พืชชนิดนี้ถูกจัดให้อยู่ในสกุล
ของ Cucurbita มีถิ่นดั้งเดิมอยู่ในทวีปอเมริกา
 ซึ่งภายหลังจึงได้มีการแตกแขนงออกไปทั่วโลก

ฟักทองแบ่งออกเป็นหลัก ๆ ได้สองตระกูล ซึ่งก็คือ ฟักทองตระกูลอเมริกัน (Pumpkin) เนื้อยุ่ย ผลมีขนาดใหญ่
และฟักทองตระกูลสควอช (Squash) ซึ่งพบเห็นกันได้บ่อย ๆ จนชินสายตา เช่น ฟักทองไทย กับ ฟักทองญี่ปุ่น

– – – – – – – – ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง ฟั ก ท อ ง – – – – – – – –
– – – – – – – – – –

— เพราะเป็นพืชมีกากใยอาหารสูง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อระบบขับถ่าย
— ฟักทองมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ สามารถชะลอวัย และความแก่ชรา
— มีกรดโปรไบโอนิค ซึ่งมีคอยทำหน้าที่ต้านเซลล์มะเร็งให้อ่อนแอลง
— ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยของร่างกาย ในบริเวณข้อเข่า บั้นเอว
— บำรุงสุขภาพผิวให้มีความเปล่งปลั่ง และยังปกป้องผิวไม่ให้เหี่ยวย่น
— สามารถป้องกันและช่วยลดความเสี่ยง ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง
— มีสรรพคุณต่อการรักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด ให้ลดลงได้
— ช่วยบำรุงสุขภาพร่างกาย และยังมีส่วนช่วยในการถนอมสายตาด้วย

— ฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้กลับมาเป็นปรกติ หลังจากที่ได้ใช้งานอย่างหนัก
— มีส่วนในการป้องกัน ภาวะของโรคหลอดเลือดหัวใจ และ โรคหัวใจ
— เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ให้ดียิ่งขึ้น
— เหมาะสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากมีกากใยสูง และไขมันน้อย
— เมล็ดฟักทองช่วยสร้างสารเซโรโทนิน ซึ่งส่งผลดีต่ออารมณ์ของเรา
— น้ำมันจากเมล็ดฟักทอง มีคุณสมบัติต่อการช่วยบำรุงระบบประสาท
— เปลือกฟักทองมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย
— รากของฟักทอง เมื่อนำไปต้มกับน้ำดื่ม ก็จะช่วยบรรเทาอาการไอ

แม้จะมากประโยชน์ แต่ก็ควรกินในระดับที่เหมาะสม ไม่เช่นนั้นก็อาจเป็นโทษนะครับ

DATA >> https://th.wikipedia.org/wiki/ฟักทอง , DATA >> https://medthai.com/ฟักทอง/
All photos : https://www.instagram.com/p/CGLuseQHsbh

Show More

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button